บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
โครงงานเล่มนี้เกิดจากการที่คณะผู้จัดทำไปพบเห็นห้องเรียนที่มีเครื่องปรับอากาศ
และประตูของห้องเรียนมันจะเปิดออก หรือบางทีก็ปิดไม่สนิท
ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น
ซึ่งการที่เครื่องปรับอากาศทำงานหนักส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าไปโดยใช่เหตุ
จากปัญหาดังกล่าวผู้จัดทำจึงเล็งเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ควรได้รับการแก้ไข
หรือหาแนวทางที่จะช่วยลดปัญหาดังกล่าว แต่ก็ต้องคำนึงถึงความพอเพียงด้วยการเลือกวัสดุที่สามารถหาได้ง่าย
ไม่มีราคาแพง และใช้ได้ในระยะเวลานาน
สืบเนื่องจากโรเรียนได้เข้าร่วมโครงการสถานศึกษาดีเด่นด้านพลังงาน
Outstanding Energy Learning Center
เป็นโครงการที่เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมแก่โรงเรียน
รวมทั้งกำหนด พัฒนา
และตรวจสอบมาตรฐานการดำเนินงาน/จัดการด้านการใช้พลังงานของโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ
เพื่อมอบเกียรติบัตรสถานศึกษาดีเด่นด้านพลังงาน (E-Mind Certificate) ระดับ 1-5 ให้แก่โรงเรียนตามความสามารถของโรงเรียนในการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พลังงานตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
โรงเรียนที่ได้รับมอบเกียรติบัตร
จะได้รับการบันทึกชื่อในสมุดบันทึกโรงเรียนอนุรักษ์พลังงาน (หากมีการจัดทำ)
หรือเอกสารประชาสัมพันธ์ของการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งจะได้รับการเผยแพร่ในโอกาสต่างๆด้วยกระบวนการสร้างและจัดมาตรฐานของโครงการสถานศึกษาดีเด่นด้านพลังงาน
โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ
จะได้มีโอกาสเรียนรู้และปฏิบัติการด้านการอนุรักษ์พลังงานและทรัพยากรอื่นๆอย่างเป็นระบบและบูรณาการไปพร้อมๆ
กัน ทำให้นักเรียนและบุคลากรอื่นๆ
ในโรงเรียนมีการเรียนรู้ทางด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ
กับการเข้าร่วมทำกิจกรรมกับโครงการฯ
ดังนั้นคณะผู้จัดทำจึงที่เล็งเห็นปัญหาในเรื่องนี้
จึงช่วยกันคิดวิธีการต่างๆที่จะลดปัญหานี้ และเพื่อความสะดวกสบาย
และเป็นประโยชน์ให้กับโรงเรียน
วัตถุประสงค์
1.
เพื่อต้องการลดปัญหาการทำงานอย่างหนักของเครื่องปรับอากาศ
2.
นำสิ่งของเหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3.
เพื่อลดค่าใช้จ่ายของค่าไฟ
4.
เพื่อเป็นการรณรงค์โครงการอนุรักษ์พลังงาน
ขอบเขตการศึกษา
โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ
เบญจมราชาลัย
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
นักเรียน
ได้รับการฝึกฝนให้เป็นคนช่างสังเกตปัญหาที่อยู่ในการใช้ชีวิตประจำวัน
แล้วตั้งโจทย์
หาแนวทางในการแก้ไขหรือปรับปรุงได้และได้รู้จักวิธีการนำของเหลือใช้มาใช้งานได้อีกครั้งให้เกิดประโยชน์
ทั้งยังได้รับความสะดวกสบาย ประหยัดค่าใช่จ่าย และถือเป็นการอนุรักษ์พลังงานไปในทีเดียวกัน
นิยามศัพท์เฉพาะ
อนุรักษ์พลังงาน
หมายถึง
พลังงานหมายถึงความสามารถในการทำงานซึ่งมีอยู่ในตัวของสิ่งของที่อาจให้งาน
ได้แก่พลังงานหมุนเวียน
และพลังงานสิ้นเปลืองความสามารถของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่จะทำงานได้งานเป็นผลของกากระทำของแรงเป็นเหตุให้สิ่งนั้นเคลื่อนที่
เช่นเปลวไฟที่เผากาน้ำจะเปลี่ยนน้ำให้เป็นไอน้ำและแรงดันไอน้ำจะดันฝากาน้ำขึ้นได้
งานเช่นนี้เรียกว่า พลังงาน
และพลังงานยังรวมถึงการผลิตและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด เพื่อช่วยลดปริมาณการใช้พลังงาน ซึ่งเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในกิจการแล้ว ยังจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากแหล่งที่ใช้และผลิตพลังงาน
การผลิตและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดการอนุรักษ์
พลังงานนอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้พลังงาน ซึ่งเป็นการประหยัด ค่าใช้จ่ายในกิจการแล้ว ยังจะช่วยลด
ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากแหล่งที่ใช้และผลิตพลังงานด้วย การสร้างนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลเป็นอีก
แนวทางหนึ่งในการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
พอเพียง หมายถึง ความมีพอสำหรับดำรงชีวิต เช่น
เขาใช้ชีวิตแบบพอเพียง
มีการส่งเสริมระบบการผลิตแบบพอเพียงที่เกษตรกรสามารถเลี้ยงตัวเองได้
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในการศึกษาครั้งนี้ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
6/ 5 ได้ศึกษาข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้องโดยเสนอตามลำดับหัวข้อดังนี้
1. โครงการ Energy Mind Award 2017 “การจัดทำมาตรฐานสถานศึกษาดีเด่น
ด้านพลังงาน”
2. Thailand 4.0
3.
โครงการเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข
4.
ทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
5. อุปกรณ์ที่ใช้
6.
ขั้นตอนการทำ
7.
ประโยชน์ของโครงงานนี้
โครงการ Energy Mind Award 2017 “การจัดทำมาตรฐานสถานศึกษาดีเด่น
ด้านพลังงาน”
โครงการ Energy Mind Award เป็นโครงการที่การไฟฟ้านครหลวงให้ความสำคัญในการลดภาวะโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่ปี
๒๕๕๑
โดยส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมแก่บุคลากรและเยาวชนในสถานศึกษาต่างๆ
รวมทั้งการบูรณาการเนื้อหาสาระด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมให้เข้ากับหลักสูตรการเรียนการสอนของแต่ละสถานศึกษา
เพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศในการเป็นสถานศึกษาดีเด่นด้านพลังงาน
การดำเนินโครงการฯ
จะมุ่งเน้นในการสร้างจิตสำนึกและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเยาวชนในสถานศึกษา และค้นพบว่ายิ่งเราสามารถเริ่มต้นการปลูกฝังแก่เยาวชนได้เร็วเพียงใด
ก็ยิ่งเห็นผลชัดเจนมากเท่านั้น
โครงการฯจึงได้ขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนในโรงเรียน
พร้อมแนวทางการวิเคราะห์เชิงปริมาณในการใช้พลังงานงานของโรงเรียนเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง
โดยมีเป้าหมายที่จะกำหนดค่าเฉลี่ยการใช้พลังงานของเยาวชนไทยแต่ละคนในการเลื่อนระดับชั้นเรียนต่อปี
และนำมาเปรียบเทียบระหว่างสถานศึกษาและเปรียบเทียบกับเกณฑ์เฉลี่ยของประชาคมอาเซียนและกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
เพื่อส่งเสริมและสร้างมาตรฐานคาร์บอนฟุตปริ้นท์ (Carbon
Footprint) ในระบบการศึกษาของประเทศไทย
ปัจจุบันโครงการ Energy Mind Award มีสถานศึกษาเข้าร่วมโครงการฯรวมทั้งสิ้นกว่า
๒๐๐ แห่ง ทั้งที่เป็นโรงเรียนในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(สพฐ.) สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)
สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร และสถานศึกษาพิเศษ เช่น
โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นสถานศึกษาสำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยิน
โดยการไฟฟ้านครหลวงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อกระตุ้นให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน
รวมถึงให้การสนับสนุนกิจกรรมด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมที่โรงเรียนจัดขึ้นตลอดทั้งปี
วัตถุประสงค์
1.
เพื่อส่งเสริมและสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้ทราบถึงแนวทางการดำเนินกิจกรรมของการไฟฟ้า
นครหลวงในเชิงการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
2.
เพื่อสร้างความตระหนักและความรู้ความเข้าใจในการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ
แก่ครู นักเรียน และบุคลากรภายในโรงเรียน
โดยมุ่งหวังให้เกิดพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
และเกิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียนอย่างเป็นรูปธรรม และขยายผลออกสู่ชุมชนโดยรอบ
3. เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่สถานศึกษาต่างๆ
ในพื้นที่จำหน่ายของ กฟน.
และดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนของตนเอง
ให้ก้าวไปสู่การเป็นสถานศึกษาต้นแบบด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
(เศรษฐกิจพอเพียง.หลัก 3 ห่วง 2 เงื่อนไข.(ออนไลน์).แหล่งที่มาhttps://aeioulove4143.wordpress.com.มกราคม 2513 )
Thailand 4.0
Thailand
4.0 เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย
ที่เปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม .ซึ่งกว่าจะมาเป็น Thailand
4.0 ก็ต้องผ่าน 1.0 2.0 และ 3.0 กันมาก่อน
Thailand 1.0 ก็คือยุคของเกษตรกรรม คนไทยปลูกข้าว พืชสวน พืชไร่ เลี้ยงหมู เป็ด ไก่ นำผลผลิตไปขาย
สร้างรายได้และยังชีพ
Thailand 2.0 ซึ่งก็คือยุคอุตสาหกรรมเบา ในยุคนี้เรามีเครื่องมือเข้ามาช่วย เราผลิตเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องดื่ม
เครื่องเขียน เครื่องประดับเป็นต้น ประเทศเริ่มมีศักยภาพมากขึ้น
Thailand 3.0 (ซึ่งเป็นยุคปัจจุบัน
) เป็นยุคอุตสาหกรรมหนัก เราผลิตและขายส่งออกเหล็กกล้า
รถยนต์ ก๊าซธรรมชาติ ปูนซีเมน เป็นต้น โดยใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ
เพื่อเน้นการส่งออก
ในช่วงแรก Thailand 3.0 เติบโตอย่างต่อเนื่อง
แต่ปัจจุบันกลับเติบโตเพียงแค่ 3-4% ต่อปีเท่านั้น
ประเทศไทยจึงตกอยู่ช่วงรายได้ปานกลางมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
ในขณะที่ทั่วโลกมีการแข่งขันที่สูงขึ้น เราจึงต้องเปลี่ยนสู่ยุค Thailand
4.0 เพื่อให้ประเทศไทยได้มีโอกาสกลายเป็นกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง
ในปัจจุบันประเทศไทยยังติดอยู่ในโมเดลเศรษฐกิจแบบ
“ทำมาก ได้น้อย” จึงต้องการปรับเปลี่ยนเป็น “ทำน้อย ได้มาก” ก็จะต้องเปลี่ยนจากการผลิตสินค้า
“โภคภัณฑ์” ไปสู่สินค้าเชิง “นวัตกรรม” และเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วย ภาคอุตสาหกรรม
ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม อย่างการเกษตรก็ต้องเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิม
ไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารจัดการและใช้เทคโนโลยีหรือ Smart
Farming โดยเกษตรกรต้องร่ำรวยขึ้น
และเป็นเกษตรกรแบบเป็นผู้ประกอบการเปลี่ยนจาก SMEs แบบเดิมไป สู่การเป็น Smart Enterprises และ Startups ที่มีศักยภาพสูง
เปลี่ยนจากรูปแบบบริการแบบเดิมซึ่งมีการสร้างมูลค่าค่อนข้างต่ำ
ไปสู่บริการที่มีมูลค่าสูง
เปลี่ยนจากแรงงานทักษะต่ำไปสู่แรงงานที่มีความรู้และทักษะสูง
โมเดลของ Thailand 4.0 นั่นคือ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งโมเดลนี้จะสำเร็จได้ ต้องใช้แนวทาง สานพลังประชารัฐ โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน
ธนาคาร ประชาชน สถาบันศึกษาและสถาบันวิจัยต่างๆ ประกอบกับการส่งเสริม SME และ Startup เพื่อขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
พร้อมต้องมีโครงสร้างด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมที่มีคุณภาพ
มีอินเตอร์เน็ตที่คลอบคลุมประชากรมากที่สุด
เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงทุกภาคส่วนได้อย่างไม่สะดุด
(UIH.Thailand 4.0.(ออนไลน์).แหล่งที่มาhttphttps://www.uih.co.th/th/knowledge/thailand-4.0. 14 พฤษภาคม
2560)
โครงการเศรษฐกิจพอเพียง
หลัก 3 ห่วง 2 เงื่อนไข
“คำนิยาม”
ว่าความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 ห่วง และ 2 เงื่อนไข โดย 3 ห่วง
คือ
ความพอประมาณ หมายถึง
ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
เช่นการผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง
การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ
ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
ส่วน 2 เงื่อนไข คือการตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ระดับพอเพียงนั้น
ต้องอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน ประกอบไปด้วย
– เงื่อนไขความรู้ หมายถึง
ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน
ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการ วางแผน
และความระมัดระวังในขั้นตอนปฏิบัติ
– เงื่อนไขคุณธรรม
ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต
และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
“เศรษฐกิจพอเพียงจริงๆ
คือหลักการดำเนินชีวิตที่จริงแท้ที่สุด
กรอบแนวคิดของหลักปรัชญามุ่งเน้นความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา
อันมีคุณลักษณะที่สำคัญ คือ สามารถประยุกต์ใช้ในทุกระดับ ตลอดจนให้ความสำคัญกับคำว่าความพอเพียง
ที่ประกอบด้วย ความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
ภายใต้เงื่อนไขของการตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมที่ต้องอาศัยเงื่อนไขความรู้และเงื่อนไขคุณธรรม”
ทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
ความโน้มถ่วง (gravity) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งทำให้วัตถุกายภาพทั้งหมดดึงดูดเข้าหากัน
ความโน้มถ่วงทำให้วัตถุกายภาพมีน้ำหนักและทำให้วัตถุตกสู่พื้นเมื่อปล่อย
แรงโน้มถ่วงเป็นหนึ่งในสี่แรงหลัก ซึ่งประกอบด้วย แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน และ แรงนิวเคลียร์แบบเข้ม ในจำนวนแรงทั้งสี่แรงหลัก
แรงโน้มถ่วงมีค่าน้อยที่สุด
ถึงแม้ว่าแรงโน้มถ่วงจะเป็นแรงที่เราไม่สามารถรับรู้ได้มากนักเพราะความเบาบางของแรงที่กระทำต่อเรา
แต่ก็เป็นแรงเดียวที่ยึดเหนี่ยวเราไว้กับพื้นโลก
แรงโน้มถ่วงมีความแรงแปรผันตรงกับมวล และแปรผกผันกับระยะทางยกกำลังสอง
ไม่มีการลดทอนหรือถูกดูดซับเนื่องจากมวลใดๆ
ทำให้แรงโน้มถ่วงเป็นแรงที่สำคัญมากในการยึดเหนี่ยวเอกภพไว้ด้วยกัน
นอกเหนือจากความโน้มถ่วงที่เกิดระหว่างมวลแล้ว
ความโน้มถ่วงยังสามารถเกิดขึ้นได้จากการที่เราเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ตามกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน เช่น การเพิ่มหรือลดความเร็วของวัตถุ
การเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ เป็นต้น
ความโน้มถ่วงของโลก
จากกฎความโน้มถ่วงของนิวตัน ความโน้มถ่วงของโลกที่กระทำกับมวลใดๆ จะขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่างศูนย์กลางมวลของโลกกับศูนย์กลางมวลวัตถุยกกำลังสอง
ดังนั้นแรงโน้มถ่วงของโลกบริเวณต่างๆ จึงมีค่าไม่เท่ากัน
และเนื่องจากโลกมีการหมุนรอบตัวเองมีผลทำให้เกิดแรงหนีศูนย์กลาง แรงหนีศูนย์กลางนี้จะหักล้างกับแรงโน้มถ่วงของโลก
แรงหนีศูนย์กลางจะมีค่ามากที่สุดบริเวณเส้นศูนย์สูตรและมีค่าน้อยที่สุดบริเวณขั้วโลก ผลของแรงหนีศูนย์กลางนี้ทำให้แรงโน้มถ่วงของโลกบริเวณเส้นศูนย์สูตรมีค่าน้อยกว่าแรงโน้มถ่วงของโลกบริเวณขั้วโลกเหนือ
นอกจากนั้น โลกก็มิได้เป็นทรงกลมโดยสมบูรณ์ แต่แป้นตรงกลางเล็กน้อยคล้ายผลส้ม ทำให้ระยะห่างจากจุดศูนย์กลางของโลกถึงพื้นผิวโลกแปรผันไปตามละติจูด
สำหรับการคำนวณทางวิศวกรรมโดยทั่วไปความเปลี่ยนแปลงของค่าแรงโน้มถ่วงไม่ถือเป็นนัยสำคัญ
จึงสามารถใช้ค่าเฉลี่ยของแรงโน้มถ่วงของโลกได้ โดยกำหนดให้ ความเร่งเนื่องจากความโน้มถ่วงของโลก (g) มีค่าเท่ากับประมาณ 9.81(~10) เมตรต่อวินาทีกำลังสอง
(วิกิพีเดีย.ความโน้มถ่วง.(ออนไลน์).แหล่งที่มาhttps://th.wikipedia.org. 3 มกราคม 2561)
อุปกรณ์ที่ใช้
1. ท่อ PVC คือ ท่อที่ทำขึ้นจากโพลิไวนิลคลอไรด์
โดยไม่ผสมพลาสติกไซเซอร์ ซึ่งชื่ออย่างเป็นทางการที่ได้ระบุใน มอก.
2. ปืนยิงรีเวท
3. หูช้างคล้องตัว U
4. เอ็นเส้นใหญ่
คือ มัดเส้นใยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เรียงตัวไปทิศทางเดียวกัน มีความยืดหยุ่นมาก
และสามารถเก็บสะสมพลังงานได้ ไม่มีกล้ามเนื้อยึดที่ปลาย, เส้นเอ็น
5. ครอบท่อ PVC คือ
ฝาปิดกันไม่ให้น้ำไหลออกมา
6.
ข้อต่อเกลียวก๊อกน้ำ คือ ปิดการรั่วของท่อ
ขั้นตอนการทำ
1.วัดท่อให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ
2. ตัดท่อ และเจาะฝาครอบท่อเพื่อใส่ข้อต่อเกลียวก๊อกน้ำ
3.นำเชือกเอ็น ที่ผูกห่วงปมไว้มาติดที่ข้อต่อเกลียวก๊อกน้ำตัว
4.ติดตั้งหูช้างรูปตัว U เข้ากับประตู
เพื่อเป็นทางที่เอ็นจะผ่านไปเมื่อจะปิดประตู
5.นำท่อที่ปิดฝาครอบแล้ว
หมุนเข้ากับข้อต่อเกลียวยึดติดไว้กับเอ็นและท่อ
เพื่อถ่วงน้ำหนักเมื่อประตูเปิดออกและปิดลง
ประโยชน์ของโครงงานนี้
ปัญหาขยะเกลื่อนเมืองในเมืองไทย เรียกว่ามากขึ้นทุกวัน
เพราะฉะนั้นคนรุ่นใหม่ควรจะใส่ใจรักษ์โลกกันให้มากขึ้น
นอกจากควรลดปริมาณการใช้ของสิ่งของต่างๆ แล้ว อีกหนึ่งทางที่จะช่วยลดปริมาณขยะ
ก็คือการรู้จักเอาของที่กำลังจะทิ้ง มาทำให้เกิดประโยชน์
นำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบต่างๆ
การนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) หมายถึง
การนำวัสดุหรือสิ่งของที่ไม่ได้ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งอาจใช้ในลักษณะเหมือนเดิม
หรือไม่เหมือนเดิมก็ได้ อาจดัดแปลงวัสดุนั้นให้ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ
วัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น กระดาษ ขวดแก้ว ขวดพลาสติก เป็นต้น
เป็นการจัดประสบการณ์ที่เน้นให้เด็กเรียนรู้ถึงคุณค่าของวัสดุสิ่งของที่อยู่รอบตัวว่าสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้งเพื่อประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ
เป็นการส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาคุณธรรมด้านความประหยัดซึ่งหมายถึง
พฤติกรรมของเด็กปฐมวัยที่แสดงออกด้านการประหยัดสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวและสิ่งของเครื่องใช้ส่วนรวม
บทที่ 3
วิธีการดำเนินการ
การศึกษาครั้งนี้
เป็นการศึกษาเพื่อหาวิธีในการประยุกต์นวัตกรรมพลังงานสู่ Thailand 4.0 ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์จึงได้ดำเนินการศึกษาดังนี้
1. การกำหนดกลุ่มประชากร
2.
เครื่องมือที่ใช้ในการทำโครงงาน
3.การเก็บรวบรวมข้อมูล
4.การวิเคราะห์ข้อมูล
5.ระยะเวลาในการดำเนินการ
1. การกำหนดกลุ่มประชากร
ประชากร
คุณครูและนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
6/5 ที่ใช้ห้องศูนย์พละศึกษา
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างจำนวน
28 คน ซึ่งได้จากเกณฑ์ตารางของ Krejcie และ Morgan จึงแบ่งมาเป็น
คุณครูและนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5
2. เครื่องมือที่ใช้ในการทำโครงงาน
1.
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ กลุ่มของข้าพเจ้าได้ทำแบบสำรวจความพึงพอใจ
เพื่อสอบถามให้ทราบถึงประโยชน์และการนำไปใช้งานว่าได้จริงไหม และเพื่อทราบว่าโครงงานที่ทำนั้นสอดคล้องกับความพอเพียง
และพลังงาน ผ่านมาการตรวจสอบโดย
คุณครูศรกช เดชะ และคุณครูจตุรงค์ พันธุ
2.
แบบสอบถามความพึงพอใจสำหรับครูและนักเรียนที่ได้ทดลองใช้อุปกรณ์ซึ่งแบ่งแบบสอบถามความพึงพอใจเป็นสองส่วน
ดังนี้
ส่วนที่
1 แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลผู้ทำแบบสอบถาม โดยประกอบไปด้วย สถานะ และเพศ
ส่วนที่
2 แบบสำรวจความพึงพอใจในสิ่งประดิษฐ์นี้
3. การเก็บรวบรวมข้อมูล
ในส่วนของลักษณะข้อมูล
สามารถจำแนกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
1. ข้อมูลทุติยภูมิ
(Secondary Data) เป็นข้อมูลที่ได้จาดเอกสาร หนังสือ
งานวิจัย บทความ สื่อสารสนเทศ ตลอดจนเอกสารอื่น ที่เกี่ยวข้อง
โดยทางการศึกษาเอกสาร(Documentary Research)
2. ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data)
เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมด้วยวิธีการทำแบบสำรวจความพึงพอใจของสิ่งประดิษฐ์
โดยให้คุณครูและนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5 เป็นผู้ทำแบบสำรวจความพึงพอใจ
4.การวิเคราะห์ข้อมูล
ผู้วิจัยนำข้อมูลไปวิเคราะห์โดยใช้แบบสำรวจในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจนั้น
ผู้วิจัยจะนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ เสนอในรูปแบบค่าเฉลี่ย
และนำเสนอข้อมูลเป็นแบบพรรณนาตามวัตถุประสงค์ของการศึกษา
5. ระยะเวลาในการนำดำเนินงาน
ปีการศึกษา 2560
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
การศึกษาการประดิษฐ์ประตูอัตโนมัติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5
ผู้ศึกษาได้เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับดังนี้
ตอนที่
1 รายงานผลของสิ่งประดิษฐ์หลังทำเสร็จ
คอนที่
2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ทำแบบสำรวจคามพึงพอใจ
ตอนที่
3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสำรวจความพึงพอใจของคุณครู และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
6/5
ตอนที่ 1 รายงานผลของสิ่งประดิษฐ์หลังทำเสร็จ
เมื่อทำอุปกรณ์เสร็จแล้ว
และติดตั้งเรียบร้อย ผลการใช้คือ ประตูสามารถถ่วงน้ำหนักได้ดี และปิดเข้าหากันสนิท
ไม่แรงจนเกินไป
ตอนที่ 2 แสดงจำนวนและร้อยละของผู้ทำแบบสำรวจความพึงพอใจจากทั้งหมด
28 คน
ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
|
จำนวนคน
|
ร้อยละ
|
||
เพศ
|
ชาย
|
15
|
53.57
|
|
หญิง
|
13
|
46.43
|
||
อาชีพ
|
ครู
|
5
|
17.86
|
|
นักเรียน
|
ชาย
|
10
|
35.71
|
|
หญิง
|
13
|
46.43
|
จากตารางที่
1 พบว่าประชากรที่ตอบแบบสอบถามเป็นผู้ชาย 15 คน คิดเป็นเป็นร้อย 53.57 ผู้หญิง 13 คน คิดเป็นร้อยละ 46.43 และแบ่งเป็น ครู 5 คน คิดเป็นร้อยละ 17.86 นักเรียนชาย 10 คน คิดเป็นร้อยละ 35.71 นักเรียนหญิง 13 คิดเป็นร้อยละ 46.43
ตอนที่ 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสำรวจความพึงพอใจของคุณครู
และนักเรียน
ข้อมูลที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความพึงพอใจของคุณครูและนักเรียนจำนวน
28 ดังนี้
1.
ด้านวัสดุ
1.1 ใช้วัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์
ระดับดี จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 1.28
ระดับดีมาก จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 1.57
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 0.89
1.2
วัสดุทุกอย่างสามารถหาได้ใกล้ตัว
ระดับดี
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ
0.43
ระดับดีมาก
จำนวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 1.86
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 1.96
1.3
วัสดุที่ใช้มีความเหมาะสม
ระดับดี
จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 0.54
ระดับดีมาก จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 1.87
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อย ละ 1.96
2. ด้านชิ้นงาน
2.1 สามารถนำไปทำตามได้
ระดับดีมาก จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 1.14
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 3.57
2.2
ตรงตามโครงการประหยัดพลังงาน Energy
mind award 2017.
ระดับดี
จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 0.86
ระดับดีมาก
จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 1.71
2.3 มีการประยุกต์ให้เข้ากับยุค Thailand 4.0
ระดับดี
จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 0.86
ระดับดีมาก
จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 2
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 1.07
2.4
ตรงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข
ระดับดี
จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 0.75
ระดับดีมาก
จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 1.57
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 1.79
3.
ด้านภาพรวม
3.1 ความพึงพอใจในการใช้งานอุปกรณ์
ระดับดี จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 0.75
ระดับดีมาก
จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 1.57
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 1.79
3.2 มีความสวยงาม
ระดับพอใช้ จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.12
ระดับดี จำนวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 1.71
ระดับดีมาก จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 1.14
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.36
3.3 มีความคิดสร้างสรรค์
ระดับดี
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.11
ระดับดีมาก
จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 1.14
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 3.39
3.4 ทำได้ง่าย
และเป็นแนวทางที่จะพัฒนาต่อ
ระดับดีมาก จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 1.29
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 3.57
ข้อมูลที่
2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความพึงพอใจของคุณครู
5 คน ดังนี้
1. ด้านวัสดุ
1.1 ใช้วัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์
ระดับดี จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.8
ระดับดีมาก จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.6
1.2
วัสดุทุกอย่างสามารถหาได้ใกล้ตัว
ระดับดี
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ
1.8
ระดับดีมาก จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.6
1.3
วัสดุที่ใช้มีความเหมาะสม
ระดับดี
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.6
ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 3.2
2. ด้านชิ้นงาน
2.1 สามารถนำไปทำตามได้
ระดับดีมาก จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.8
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 4
2.2
ตรงตามโครงการประหยัดพลังงาน Energy
mind award 2017.
ระดับดีมาก
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.8
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 4
2.3 มีการประยุกต์ให้เข้ากับยุค Thailand 4.0
ระดับดี
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.6
ระดับดีมาก
จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.6
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 2
2.4 ตรงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
3 ห่วง 2 เงื่อนไข
ระดับดีมาก
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 2.4
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 2
3. ด้านภาพรวม
3.1 ความพึงพอใจในการใช้งานอุปกรณ์
ระดับดี จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ
1.2
ระดับดีมาก
จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.6
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 1
3.2
มีความสวยงาม
ระดับดี
จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 3
3.3 มีความคิดสร้างสรรค์
ระดับดีมาก
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.8
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 4
3.4 ทำได้ง่าย และเป็นแนวทางที่จะพัฒนาต่อ
ระดับดีมาก จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 2.4
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 2
ข้อมูลที่
3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชาย
10 คน ดังนี้
1. ด้านวัสดุ
1.1 ใช้วัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์
ระดับดี จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.2
ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.6
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 2
คิดเป็นร้อยละ 1
1.2
วัสดุทุกอย่างสามารถหาได้ใกล้ตัว
ระดับดีมาก
จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ
2.4
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 2
1.3
วัสดุที่ใช้มีความเหมาะสม
ระดับดี
จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.6
ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 3.2
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2.5
2. ด้านชิ้นงาน
2.1 สามารถนำไปทำตามได้
ระดับดีมาก จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.8
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 4
2.2
ตรงตามโครงการประหยัดพลังงาน Energy
mind award 2017.
ระดับดี
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ
ระดับดีมาก
จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.5
2.3 มีการประยุกต์ให้เข้ากับยุค Thailand
4.0
ระดับดี จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.9
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.5
2.4 ตรงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
3 ห่วง 2 เงื่อนไข
ระดับดี
จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.6
ระดับดีมาก จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.5
3. ด้านภาพรวม
3.1 ความพึงพอใจในการใช้งานอุปกรณ์
ระดับดีมาก
จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ2.5
3.2
มีความสวยงาม
ระดับพอใช้จำนวน
2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.6
ระดับดี
จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2
ระดับดีมาก
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.5
3.3 มีความคิดสร้างสรรค์
ระดับดีมาก
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.4
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 4.5
3.4 ทำได้ง่าย และเป็นแนวทางที่จะพัฒนาต่อ
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 5
ข้อมูลที่
4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนหญิง
13 คน ดังนี้
1. ด้านวัสดุ
1.1 ใช้วัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์
ระดับดี จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.15
ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.54
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5
คิดเป็นร้อยละ 1.15
1.2
วัสดุทุกอย่างสามารถหาได้ใกล้ตัว
ระดับดี
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.23
ระดับดีมาก
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ
1.54
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2.69
1.3 วัสดุที่ใช้มีความเหมาะสม
ระดับดี
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 2.54
ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.54
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2.31
2. ด้านชิ้นงาน
2.1 สามารถนำไปทำตามได้
ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.54
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 3.08
2.2
ตรงตามโครงการประหยัดพลังงาน Energy
mind award 2017.
ระดับดี
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.92
ระดับดีมาก
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.85
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 1.15
2.3 มีการประยุกต์ให้เข้ากับยุค
Thailand 4.0
ระดับดี
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.92
ระดับดีมาก
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.85
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 1.15
2.4 ตรงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
3 ห่วง 2 เงื่อนไข
ระดับดี
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.15
ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 0.92
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 1.92
3. ด้านภาพรวม
3.1 ความพึงพอใจในการใช้งานอุปกรณ์
ระดับพอใช้ จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.15
ระดับดี จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.23
ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 0.92
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2.31
3.2
มีความสวยงาม
ระดับดี จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.38
ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.5
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 0.77
3.3
มีความคิดสร้างสรรค์
ระดับดี
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.23
ระดับดีมาก
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.85
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2.31
3.4 ทำได้ง่าย
และเป็นแนวทางที่จะพัฒนาต่อ
ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.54
ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 3.08
บทที่ 5
สรุปผลการศึกษา อภิปลายผล และข้อเสนอแนะ
การศึกษาเรื่องการทำประตูอัตโนมัติ
มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสานต่อโครงการสถานศึกษาดีเด่นด้านพลังงาน Outstanding Energy Learning Center
เป็นโครงการที่เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมแก่โรงเรียน
รวมทั้งกำหนด พัฒนา
และตรวจสอบมาตรฐานการดำเนินงาน/จัดการด้านการใช้พลังงานของโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ
และเพื่อน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
“เศรษฐกิจพอเพียงจริงๆ
คือหลักการดำเนินชีวิตที่จริงแท้ที่สุด
กรอบแนวคิดของหลักปรัชญามุ่งเน้นความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา
อันมีคุณลักษณะที่สำคัญ คือ สามารถประยุกต์ใช้ในทุกระดับ
ตลอดจนให้ความสำคัญกับคำว่าความพอเพียง ที่ประกอบด้วย ความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล
มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
ภายใต้เงื่อนไขของการตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมที่ต้องอาศัยเงื่อนไขความรู้และเงื่อนไขคุณธรรม”
และวัตถุประสงค์สำคัญ
เพื่อต้องการลดปัญหาการทำงานอย่างหนักของเครื่องปรับอากาศ นำสิ่งของเหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
และเพื่อลดค่าใช้จ่ายของค่าไฟ
สรุปผลการศึกษา
จากการวิเคราะห์ข้อมูลสรุปผลการศึกษาได้ดังนี้
1.
เมื่อทำอุปกรณ์เสร็จแล้ว
และติดตั้งเรียบร้อย ผลการใช้คือ ประตูสามารถถ่วงน้ำหนักได้ดี และปิดเข้าหากันสนิท
ไม่แรงจนเกินไป
2.
ผลการศึกษาเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปพบว่าผู้ทำแบบสัมภาษณ์เป็นผู้ชาย
15 คน คิดเป็นเป็นร้อย 53.57 ผู้หญิง
13 คน คิดเป็นร้อยละ 46.43 และแบ่งเป็น
ครู 5 คน
คิดเป็นร้อยละ 17.86 นักเรียนชาย
10 คน คิดเป็นร้อยละ 35.71
นักเรียนหญิง 13 คิดเป็นร้อยละ 46.43
3.
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความพึงพอใจของคุณครูและนักเรียนจำนวน
28 คน
1.ด้านวัสดุ ใช้วัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ ระดับดี จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ1.28 ระดับดีมาก จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 1.5 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 0.89 วัสดุทุกอย่างสามารถหาได้ใกล้ตัว ระดับดี จำนวน 4
คน คิดเป็นร้อยละ 0.43 ระดับดีมาก จำนวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 1.86 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 1.96
วัสดุที่ใช้มีความเหมาะสมระดับดี จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 0.54ระดับดีมาก จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 1.87 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 11
คน คิดเป็นร้อย ละ 1.96
2.ด้านชิ้นงาน สามารถนำไปทำตามได้ ระดับดีมาก
จำนวน 8 คน คิดเป็น
ร้อยละ 1.1 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 3.57 สามารถนำไปทำตามได้ ระดับดีมาก จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 1.14 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 3.57 ตรงตามโครงการประหยัดพลังงาน
Energy mind award 2017.ระดับดี จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 0.86
ระดับดีมาก จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 1.71
มีการประยุกต์ให้เข้ากับยุค Thailand 4.0 ระดับดี จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 0.86 ระดับดีมาก จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 2 ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 1.07 ตรงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง 3
ห่วง 2 เงื่อนไข ระดับดี
จำนวน 7 คน
คิดเป็นร้อยละ 0.75 ระดับดีมาก จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 1.57 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 10
คน คิดเป็นร้อยละ 1.79
3. ด้านภาพรวม ความพึงพอใจในการใช้งานอุปกรณ์ ระดับดี จำนวน
7 คน คิดเป็นร้อยละ 0.75 ระดับดีมาก
จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 1.57 ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 1.79 มีความสวยงามระดับพอใช้ จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.12 ระดับดี จำนวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 1.71
ระดับดีมาก จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 1.14 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 2 คน
คิดเป็นร้อยละ 0.36 มีความคิดสร้างสรรค์ ระดับดี จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.11 ระดับดีมาก จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 1.14 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 19
คน คิดเป็นร้อยละ 3.39 ทำได้ง่าย
และเป็นแนวทางที่จะพัฒนาต่อ ระดับดีมาก จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 1.29 ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 3.57
4.
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความพึงพอใจของคุณครู 5 คน ดังนี้
1. ด้านวัสดุ ใช้วัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ ระดับดี
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.8ระดับดีมาก
จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.6 วัสดุทุกอย่างสามารถหาได้ใกล้ตัวระดับดี จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.8 ระดับดีมาก จำนวน 2
คน คิดเป็นร้อยละ 1.6 วัสดุที่ใช้มีความเหมาะสม
ระดับดี จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.6
ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 3.2
2.ด้านชิ้นงาน สามารถนำไปทำตามได้ระดับดีมาก
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.8 ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 4 ตรงตามโครงการประหยัดพลังงoEnergy
mind award 2017.ระดับดีมาก จำนวน 1 คน
คิดเป็นร้อยละ 0.8ระดับดีเยี่ยม จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 4 มีการประยุกต์ให้เข้ากับยุค Thailand 4.0 ระดับดี
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.6 ระดับดีมาก จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.6 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 2 ตรงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง 3
ห่วง 2 เงื่อนไข ระดับดีมาก
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 2.4 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 2
3.ด้านภาพรวม
ความพึงพอใจในการใช้งานอุปกรณ์ ระดับดี จำนวน
2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.2 ระดับดีมาก
จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.6
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 1 มีความสวยงามระดับดี จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 3
มีความคิดสร้างสรรค์ ระดับดีมาก จำนวน 1
คน คิดเป็นร้อยละ 0.8 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 4
คน คิดเป็นร้อยละ 4 ทำได้ง่าย
และเป็นแนวทางที่จะพัฒนาต่อ ระดับดีมาก จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 2.4 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 2
5. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชาย
10 คน ดังนี้
1. ด้านวัสดุ ใช้วัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ ระดับดี
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.2ระดับดีมาก
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.6ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 2 คิดเป็นร้อยละ 1 วัสดุทุกอย่างสามารถหาได้ใกล้ตัวระดับดีมาก จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 2.4 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 4
คน คิดเป็นร้อยละ 2 วัสดุที่ใช้มีความเหมาะสม
ระดับดี จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.6ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 3.2 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2.5
2.ด้านชิ้นงาน สามารถนำไปทำตามได้ ระดับดีมาก
จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.8ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 4 ตรงตามโครงการประหยัดพลังงาน
Energy mind award 2017.ระดับดี จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ ระดับดีมาก จำนวน 5 คน
คิดเป็นร้อยละ 2ระดับดีเยี่ยม จำนวน 1 คน
คิดเป็นร้อยละ 0.5 มีการประยุกต์ให้เข้ากับยุค Thailand 4.0 ระดับดี จำนวน
3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.9 ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.5 ตรงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
3 ห่วง 2 เงื่อนไข ระดับดี จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.6 ระดับดีมาก จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2 ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.5
3.ด้านภาพรวม
ความพึงพอใจในการใช้งานอุปกรณ์ ระดับดีมาก
จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2
ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ2.5 มีความสวยงามระดับพอใช้จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.6ระดับดี จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2ระดับดีมาก จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.5 มีความคิดสร้างสรรค์ ระดับดีมาก จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.4 ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 4.5 ทำได้ง่าย
และเป็นแนวทางที่จะพัฒนาต่อ ระดับดีเยี่ยม จำนวน 10
คน คิดเป็นร้อยละ 5
6. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนหญิง
13 คน ดังนี้
1.ด้านวัสดุ ใช้วัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ ระดับดี
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.15ระดับดีมาก
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.54ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 5 คิดเป็นร้อยละ 1.วัสดุทุกอย่างสามารถหาได้ใกล้ตัวระดับดี จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.23ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.54ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5
คน คิดเป็นร้อยละ 2.69 วัสดุที่ใช้มีความเหมาะสม ระดับดี จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 2.54 ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.54 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2.31
2.ด้านชิ้นงาน สามารถนำไปทำตามได้ระดับดีมาก
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.54ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 3.08 ตรงตามโครงการประหยัดพลังงาน
Energy mind award 2017.ระดับดี จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.92 ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.85ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 1.15 มีการประยุกต์ให้เข้ากับยุค Thailand 4.0 ระดับดี
จำนวน 3 คน
คิดเป็นร้อยละ 0.92 ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.85 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5
คน คิดเป็นร้อยละ 1.15 ตรงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
3 ห่วง 2 เงื่อนไข ระดับดี จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.15 ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 0.92ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 1.92
3.ด้านภาพรวม
ความพึงพอใจในการใช้งานอุปกรณ์ระดับพอใช้
จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.15ระดับดี
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.23 ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 0.92ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2.31 มีความสวยงามระดับดี จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.38ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.5ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 0.77 มีความคิดสร้างสรรค์ ระดับดี
จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.23ระดับดีมาก
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.85ระดับดีเยี่ยม
จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2.31 ทำได้ง่าย
และเป็นแนวทางที่จะพัฒนาต่อ ระดับดีมาก จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.54 ระดับดีเยี่ยม จำนวน 5 คน
คิดเป็นร้อยละ 3.08
อภิปลายผลการศึกษา
จากการอภิปลายผลการศึกษาจากแบบสอบถามความพึงพอใจเรื่องประตูอัตโนมัติ
ที่ผู้ศึกษาได้จัดทำขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการประหยัดพลังงาน
โดยได้แบ่งผู้ทำแบบสอบถามเป็นคุณครูและนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5 โดยแบ่งเป็นคุณครูผู้ชาย 5 คน ผู้ชาย 10 คน และผู้หญิง 13 คน รวมเป็น 28 คน และได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางในการอภิปลายดังนี้
1.ด้านวัสดุ
การใช้วัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์อยู่ในระดับดีมากคิดเป็นร้อยละ
1.57 เพราะถือว่าวัสดุที่ใช้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
หาได้ง่าย และถือเป็นการนำของเหลือใช้มาใช้ให้เกิดประโยชน์
วัสดุทุกอย่างสามารถหาได้สามารถหาได้ใกล้ตัว
อยู่ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 1.96 เพราะถือว่าเราสามารถใช้สิ่งอื่นทดแทนได้
เช่น ขวดหรือกระบอก
วัสดุที่ใช้มีความเหมาะสม
อยู่ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 1.96 เพราะวัสดุที่เลือกมีความเรียบร้อย
และมีรูปทรงสวยงาม
2. ด้านชิ้นงาน
สามารถนำไปทำตามได้
อยู่ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 3.57 เพราะขั้นตอนการทำนั้นง่าย
ไม่ยุ่งยาก อุปกรณ์สามารถหาได้ง่าย
ตรงตามโครงการประหยัดพลังงาน
Energy mind award 2017. อยู่ในระดับดีมาก
คิดเป็นร้อยละ 1.71 เพราะ ตรงตามหลักการประหยัดพลังงานที่
กฟผ. บอกวัตถุประสงค์ไว้
มีการประยุกต์ให้เข้ากับยุค
Thailand 4.0 อยู่ที่ระดับ ดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 1.07
เพราะ เป็นการประยุกต์ให้เข้ากับการพัฒนาประเทศไทยสู่ยุกนวัตกรรม
การสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน
ตรงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
3 ห่วง 2 เงื่อนไข อยู่ที่ระดับ ดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 1.79
เพราะค่อนข้างมีความสอดคล้องกับหลักความพอประมาณ มีเหตุผล
มีภูมิคุ้มกัน และกับเงื่อนไขความรู้ควบคู่คุณธรรม
3.
ด้านภาพรวม
ความพึงพอใจในการใช้อุปกรณ์นี้
อยู่ที่ระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 1.79 เพราะ
อุปกรณ์นี้สามารถทำได้สำเร็จ ประตูสามารถปิดเองได้โดยอัตโนมัติ
และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในราคาที่สูง
มีความสวยงาม อยู่ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 1.71
เพราะอุปกรณ์ยังยังขาดการตกแต่ง สามารถตกแต่งเพิ่มได้อีก
มีความคิดสร้างสรรค์
อยู่ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 3.39 เพราะมีวิธีคิดและตรงกับหัวข้อที่ได้รับ
ตอบโจทย์ความต้องการประหยัดพลังงานเป็นอย่างมาก
ทำได้ง่าย
และเป็นแนวทางที่จะพัฒนาต่อ
อยู่ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 3.57 เพราะอุปกรณ์หาได้
ใช้งานได้จริง มีประโยชน์ ประหยัดพลังงาน เพิ่มความสะดวก เหมาะที่จะพัฒนาต่อ
ข้อเสนอแนะ
ผู้ศึกษาสามารถปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ได้
กรณีไม่มีท่อ PVC สามารถใช้ขวดแทนได้ แต่อายุการใช้งานอาจมีไม่มาก
ผู้ศึกษาสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์จากหูช้างตัว
U เป็นลอกได้เพื่อการใช้งานที่ทนทาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น